เล่าเรื่อง เรื่อยเปื่อย

Uncategorized

ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา

สะพานพระราม ๖ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสะพานเดียว ที่มีไว้ให้รถไฟวิ่งผ่านอย่างเดียว เมื่อหลายสิบปีก่อน รถยนต์ยังสามารถวิ่งผ่านได้ แต่เมื่อทรุดโทรมมากขึ้น ก็มีการทุบส่วนของรถยนต์ทิ้ง เหลือไว้แต่ส่วนที่รถไฟวิ่งอย่างเดียว

วันนี้เสร็จธุระที่บางโพแต่หัววัน ก็เลยตั้งใจจะเดินข้ามสะพานนี้ดูสักรอบ หลังจากขับรถผ่านเห็นคนไปเดิน-วิ่งออกกำลังหลายครั้ง

ราวสะ




ฝัน…

หลายคืนก่อนผมฝัน ความฝันในคืนนั้นมันหลากหลายมาก ทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น ผจญภัย เศร้านิดๆ ไม่ถึงกับเคล้าน้ำตา…

รู้กันมานานแล้วว่า น้อยครั้งนักที่คนเราจะจำความฝันได้ชัดเจนทั้งหมด ส่วนใหญ่จะถูกลืมไปเมื่อตื่นเต็มตา แต่คราวนี้ผมจำได้เพราะผมลุกขึ้นมาทบทวนความฝันทันทีที่สะดุ้งตื่น แต่สุดท้ายก็เหลือๆ หลงๆ เอาไว้แค่ไม่ถึง ๒๐% ของทั้งหมด

ผมมองว่าความฝันเป็นเรื่องสนุกดี ไม่ว่าจะฝันดีหรือฝันร้ายขนาดไหนก็ตาม พอตื่นมาหลังจากฝันร้าย เราจะรู้สึกโล่งอก ผ่อนคลาย แต่อาจจะมีอาการหวาดระแวงตามมานิดหน่อย แต่เดี๋ยวเดียวก็หาย ถึงอย่างนั้นมันก็ยังรู้สึกสนุก, ตื่นเต้นดีอยู่

อนาคต มนุษย์เราจะมีสักวันที่สร้างเครื่องบันทึกฝันได้ เหมือนอัดวิดีโอเลย ตื่นแล้วก็เอามาเปิดดูกันอีกรอบ น่าจะสนุกสนานดี เว้นแต่ฝันเรื่องนอกใจคนที่บ้านหรือฝันลามกเท่านั้นแหละ ส่วนพวกที่ชอบตีตัวเลขยิ่งสนุกเข้าไปใฟญ่ เพราะสามารถเรียกพวกเดียวกันมาล้อมวงช่วยกันตีเลขได้หลากหลายความเห็นเลยทีเดียว




ระยอง again

กลับมาเมืองระยองเป็นเวลาสั้นๆ อีกครั้ง ด้วยเหตุหนีน้ำท่วมบ้านมา คราวนี้เป็นเมืองแกลง เมืองที่มียามตีระฆังบอกเวลาเก๊ง เก๊ง


กลับมาแว้วววว

ห่างหายไปก็นาน
มัวหลงระเริงกับ Facebook
แต่ก็ดูจะเป็นสาธารณะมากเกินไป
หลายๆ อย่างก็ไม่สะดวก
กลับมาจัดระเบียบที่นี่ใหม่ดีกว่า
จะอยู่ได้กี่วันหว่าเนี่ย

My nams is Chanon 2


My name is Chanon

ชานนท์ เด็กนอก ลูกของลูกของป้าของผม???
ระเห็จมาจาก USA เพราะว่าป้าผมอยากพามาอวดญาติๆ ที่สยามเมืองยิ้ม
มา 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน กลับไปไม่ถึงเดือน กลับมาใหม่อีกแล้ว
ชานนท์สร้างความปั่นป่วนในบ้านอย่างมากมาย อาทิเช่น
– ปลุกผมทุก 9 โมงเช้า
– เดินขึ้นบันไดเองทุกครั้งที่คนในบ้านเผลอ
– เวลาโมโหก็เอาหัวโขกพื้น หรือไม่ก็วิ่งชนผนัง
– เอาตุ๊กตา ultraman ของผมไปหักขาเล่น ต่อใหม่ ก็หักออกอีก
– ชอบให้พาไปเดิน lotus ข้างบ้าน เสียเงินซื้อไอติมให้มันอีก ซื้อมาแล้วก็ไม่กิน
– เวลาทำงานก็ชอบมานั่งตัก
– นั่งตักเสร็จ ก็เห็น mouse เป็นรถ เห็น touchpad เป็นที่รองเขียน เห็น keyboard เป็นกลอง
– 6 โมงเย็นก็เริ่มโวยวาย
– จับลงเปล ก็กระโดดกระแทกจนเปลหัก ฮ่วย!!!
และแล้ว…ชานนท์ก็กลับไปแล้ว…เมื่อวาน
ความสงบสุขที่บ้านมาเยือน

สงบจัง

เหงาว๊อยยยยย ชานนท์ ฮือๆๆๆๆ


สงกรานต์ – สงคราม

ปีนี้เป็นปีที่ตื่นมาต้อนรับเทศกาลสงกรานต์แบบที่ไม่เหมือนปีก่อนๆ

เพราะในถนนเส้นนี้ ทุกเช้าวันสงกรานต์ จะมีเสียงของขบวนรถมอเตอร์ไซค์ออกมาประกาศศักดากัน

พร้อมเด้วยเพลงสุดฮิตประจำปีจากร้านล้างรถข้างบ้านมาเปิดปลุก Update กันให้รู้ว่าปี้นี้ trend ไหนมา

 

3 ปีที่แล้วตื่นด้วยเพลง “Zombie”

2 ปีก่อนเพลง จำไม่ได้ แต่มันเป็น Dance อะไรสักอย่าง

ปีที่แล้วเพลง “ดูเธอทำ”

ปีนี้พี่น้องก็มานั่งทายกันว่าจะเป็นเพลงอะไร สรุปกันว่าน่าจะเป็น “Nobody” ของ 5 สาว Wonder Girl แน่ๆ

ตื่นมา 11 โมง ผิดคาด เงียบกริบ

Nobody กรูอยู่หนายยยยยยยย

ทามมายน้องโซฮีม่ายมาปลุกกรูฟร้า

สถานการณ์บ้านเมืองก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ นั่งอยู่หน้าจอทีวี ดูแดงโดนตบ สะใจดี

จนเย็นๆ ก็เริ่มคลี่คลาย เท่านั้นเอง…คลื่นมวลชน รถกระบะ สาวน้อย (หนุ่มๆ ไม่พูดถึง เพราะไม่สนใจจะดูอยู่แล้ว)

ขาแว๊นทั้งหลายก็ออกมาเล่นสงกรานต์ สำราญ บานตะไทเต็มถนน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพิ่งรู้ว่าตู้เพลงข้างบ้านก็เปิดเพลงตามสถานการณ์เหมือนกัน

 

ถึงจะเคยรำคาญกันมาทุกปี

ตอนสายๆ ถึงบ่ายๆ ช่วงที่เงียบๆ ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

เฮ้อ…โล่งอก

ฝากไว้ด้วยรูป ทหารตรึงกำลัง, ปะทะประชาชน และจ่อยิงประชาชนกันสักรูป 2 รูป ฝากพี่ทักฯ ที่คนอื่นเรียกไรไม่รู้ แต่กรูเรียก Here เอาไปเผยแพร่ให้สื่อ ตปท. ทั้งหลายดูด้วยละกันนะครับ


การ์ตูนโดนใจ

อายุปูนนี้แล้ว ยังอ่านการ์ตูนอยู่อีก

ก็มันสนุกนี่

แล้วบางทีก็ได้อะไรดีๆ จากมันเหมือนกัน

เช่น อันนี้… นักปลุกม็อบ สะใจ เข้ากับสถานการณ์การเมืองช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาเหลือเกิน

 

* ไม่เหลือง ไม่แดง เพราะกรูเกลียดพวกเมิงทั้งหมด


ประสบการณ์ชีวิต เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นอกลู่นอกทางบ้าง

“พี่ สนใจไปขายของหรือเปล่า มีที่ว่างหน้าห้าง เพิ่งเปิดให้จองพื้นที่ แต่ต้องเป็นงาน Handmade นะ”

ด้วยการแนะนำของน้องชายคนหนึ่ง เราก็เลยมีอะไรทำเล่นในทุกเย็นวันศุกร์และเสาร์

นั่นก็คือการไปขายของที่ถนนคนเดินสายสั้นๆ ของห้างๆ หนึ่งที่อนุสาวรีย์ชัยฯ

ไปแบบไม่คิดอะไร

“ไปไหมพี่”

“ไป”

“เอาอะไรไปขาย”

“ยังไม่รู้เลย แต่ไปไว้ก่อน”

กะว่าไปนั่งเล่นๆ หนุกๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ด้วยความอยากไปขายของมานานมากแล้ว

รวบรวมคนร่วมอุดมการณืได้ 3-4 คน จึงโทรไปจองพื้นที่เอาไว้

“ขายอะไรคะ”

“เอ่อ…..” ของคนอื่นอะไรหว่า

“คริสตัลครับ คริสตัล กับงานกระดาษ” นึกขึ้นได้ว่าอยากลองทำตุ๊กตากระดาษไปขายดูมานานแล้ว

“โอเคค่ะ วันศุกร์ 3 โมงนะคะ”

เวลาผ่านไปจนถึงวันพฤหัสแล้ว งานกระดาษที่อวดใครต่อใครไว้ว่าจะเอาไปขายก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

ยังเป็นแค่ file ในคอมพ์ กับกระดาษเป็นแผ่นๆ ที่เพิ่งจะ print ออกมา

"ไม่เป็นไรวะ ยังไงก็มีอย่างอื่นขาย หึหึหึ”

วันศุกร์ ไปจับฉลากตั้งแผงด้วยใจระทึก เพราะว่าแผงอื่นๆ ดูเป็นมืออาชีพกันทั้งนั้น

“พวกนี้เขาขายประจำ อุปกรณ์พร้อม”

ไอ้ทางเราก็มีมาบ้างเหมือนกัน ด้วบความอุปถัมภ์จากพี่ก้อย ที่เอามาทุกอย่าง

“ของแกล่ะ ไอ้นัท”

ฮ่า…ของผมเป็นตัวประกอบ เอาของพี่ๆ วางก่อนเลยครับ”

ว่าแล้วเหล่าแม่ค้า พ่อค้ามือใหม่ก็จัดร้านกันแบบเก้ๆ กังๆ เขินๆ เพราะคนเดินเยอะ

สรุปยอดขาย ก็ทะลุเป้าที่วางไว้

เพราะว่าตั้งเอาไว้ว่ายอดขาย 0 บาท ขายได้ 100 บาท(มั้ง) จะสรุปว่าขายดีได้ไหมเนี่ย

มีคนมาดูของเหมือนกัน แต่พอบอกราคาก็แทบจะรีบวางลงไปทันทีทันใด

3 ทุ่มจะเก็บของไปด้วยหัวใจพองโต

ใครจะคิดยังไงไม่รู้ล่ะ แต่เราสนุก นั่งเฉยๆ ดูผู้คนเดินผ่านไป ผ่านมา มาลองขายของบ้าง เจอคนแปลกหน้าอื่นๆ บ้าง สนุกดี

“พรุ่งนี้จะมาอีกไหมคะ” เจ้าหน้าที่คนเก่ามาถามเพราะว่าเห็นว่ายไม่ค่อยดี กลัวว่าจะไม่มา แล้วร้านค้ามันจะน้อย

“มาครับ”

“เฮ้ย…ไอ้นัท” คนอื่นๆ ร้องทักกันเสียงหลง

“มาอีกเนี่ย เอาของมาขายด้วยนะเฟร้ย”


สี่หนึ่ง สี่หนึ่ง สี่หนึ่ง

ดูเหมือนจะทิ้งช่วงมานานไปหน่อย ที่จะพูดถึงควันหลงของศึกวันแดงเดือดที่ผ่านมา แต่ในฐานะเด็กหงสา จอมราชันย์แล้ว จะไม่ออกมาเฉลิมฉลองกันซะหน่อยก็คงจะไม่ใช่ที่ ก็เคยระบายความรู้สึกสะใจจนออกนอกหน้ามา ณ ที่นี้ซะเลย

นานนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ทีที่จะมีความรู้สึกอยากดูบอลนัดที่ทีโปรดตัวเองลงแข่ง เพราะมีตราบาปติดตัวมานาน ว่าดูนัดไหน แพ้นัดนั้น ทุกครั้งที่ Red Machine ลงแข่ง ไอ้เราก็ได้แต่หวังลึกๆ แล้วก็นอน ตื่นเช้ามาก็เปิดข่าวดูด้วยหัวใจเต้นระทึก แต่วันนี้…ไม่…

วันนี้ตั้งใจสิบตีนถีบว่าจะดูบอลให้ได้ หลังจากที่ประตูสู่แชมป์พรีเมียร์พระราม 9 อะไรนั่นแทบจะปิดไปหมดแล้ว ก็เลย…ขอดู…มันซะเลย

ว่าแล้วก็นัดเพื่อนๆ ขาบอลทั้งหลาย ไปเจอกันที่ร้านประจำ ต้มแซ่บขาไก่ จอทีวีไม่ใหญ่ แต่อาหารอร่อย

มาดูบอลวันนี้ สอบถามเพื่อนผีรายไหน รายนั้น ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าชนะชัวร์ อยู่ที่ว่าจะชนะกี่ลูกเท่านั้น ถึงขนาดผู้ประกาศข่าวกีฬาบางรายบอกว่า ชนะ 1-0 ยังน่าเกลียดเลย กลับกันกับทางฝ่ายหงส์หรือเป็ดแดงที่เขาเรียกกัน รายไหน รายนั้น ตอบคล้ายๆ กัน ว่า เสมอก็ดีใจ ชนะได้ก็สะใจ แต่ก็ยังหวังลึกๆ ว่าขอให้ชนะเถอะว้า เพี้ยง

ในช่วงแรก เหตุการณ์ก็เหมือนจะเข้าอีหรอบเดิม 1-0 ในใจก็คิดแต่ว่า มันจะโดนอีกกี่ลูกวะเนี่ยยยยยยยย โต๊ะเด็กผีรอบๆ ก็ส่งเสียงเฮกันแบบ ไม่ค่อยจะดังเท่าไหร่ เหมือนจะโชว์ให้รู้ว่า 1-0 มันเรื่องปกติ ที่เหลือเดี๋ยวจะตามมา แต่หลังจากนั้นคงไม่ต้องเล่ากันอีก เพราะคิดว่าคงได้ดู replay กันไม่รู้กี่รอบ ต่อกี่รอบไปแล้ว นาทีที่นำ 3-1 ด้วยความอัดอั้นตันใจมานาน + ความเมากำลังได้ที่ เป็ดปากหมานนน อย่างเราก็สำแดงอาการทันที “มีไล่ลงเปล่าวะ โทษฐานเตะไม่สมศักดิ์ศรี” ทำเอาเพื่อนๆ เอามืออุดปากและกระชากลงนั่งแทบไม่ทัน หึหึหึ สะจาย

การพ่ายแพ้แบบทวารไม่หวานแล้วของเปรตแดงคราวนี้ ทำให้รู้สึกถึงความเสียหน้าอย่างรับไม่ได้ของเหล่าพลพรรคผีเปรตได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่กองเชียร์ยังรวมไปถึงนึกเตะด้วย หลังจากวันอัปยศของเหล่าผีเปรตแล้ว (แต่เป็นวันสุดสะใจของเปล่าเป็ด) เลยได้ยินเสียงคร่ำครวญ หวีดหวิวเรียกร้องขอส่วนบุญ…ไม่ใช่สิ เรียกร้องขอเจอกันอีกทีใน UEFA Champion League รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะจับสลากกันในอีกไม่กี่วัน (ณ เวลานั้น) ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย เพราะคิดว่าเจออีกกี่ทีก็ชนะ ว่างั้นเหอะ ถ้าจะแก้มือก็ต้องให้เร็วที่สุดเพราะว่ารอถึง Premiere League ปีหน้า มันจะเป็นการปล่อยให้เหล่าเป็ดได้เยาะเย้ยนานเกินไป สวนทางกับเหล่าเป็ดแดงที่ไม่พูดอะไร แต่ในใจก็คิดว่าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ จับเจอใครก่อนก็ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งเจอ Man U. เดี๋ยวจะสนุกปากได้ไม่นาน ก็ไม่ได้คิดว่าเป็ดจะแพ้เปรตหรอก แต่นาทีนี้ อะไรที่คว้าได้ก็คว้าไว้ก่อน ยังไล่ตามโทรไปคุยกับพวกผีปากมอมได้ไม่ครบทุกคนเลย ขอเวลาอีกนิด 555

ผลการแข่งขันที่ออกมา 4-1 นี่มันทำให้เกิดอะไรหลายๆ อย่างในด้านดีกับเหล่าเป็ดแดง เพราะว่าถ้าชนะ 1-0 หรือ 2-1 พวกเปรตก็คงไม่เงียบเป็นเป่าสากได้เยี่ยงนี้ มันก็คงจะมีออกมาว่า “ชนะลูกเดียว งั้นๆ แหละวะ” อะไรทำนองนี้ แต่นี่ 4-1 ทั้งยังสร้างตัวตลกตัวใหม่มาประดับวงการบันเทิง เอ้อ วงการฟตุบอลอีก 1 คน นั่นก็คือ เนมานย่า วิดิช (จะว่าไปก็น่าสงสารเหมือนกัน ในฐานะที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน) ประตูตีเสมอ 1-1 ไปดูภาพช้าอีกทีจะเห็นอาการเหวอที่ถือว่า ฮามาก (สำหรับผม) จากที่แต่ก่อนเวลาฟัดกันทีไร ผมก็จับตาดูว่า น้องน้ำตาลของผมลงหรือเปล่า ซึ่งหลังๆ มานี่ ป๋าแพนด้าก็ชักจะรู้และไม่ค่อยให้ลงซะแล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรจะฮา แต่ตัวตลกก็กลายมาเป็นฝั่ง Liverpool ไปซะ 2 ตัว แต่…ลูก 4-1 ตอกตะปูปิดฝาโลง คนยิงคือ… หุหุหุ ทั้งหมดนี้ทำเอาเหล่าเปรตแดงพูดไม่ค่อยออก หาอะไรมาแก้ตัวไม่ค่อยได้ ปลายปีก็อาจจะถูๆ ไถๆ ไปน้ำขุ่นๆ ว่าแพ้ก็ยังได้แชมป์เว้ย เออ…แต่แชมป์แพ้กูหมดสภาพเลยว่ะ กรั่ก กรั่ก กรั่ก หลายๆ เสียงก็ออกมาบอกว่า มันก็แค่เกมส์ๆ หนึ่ง มันก็แค่ 3 คะแนน สุดท้ายเปรตก็จะเป็นแชมป์ ……..มันก็ใช่………แต่มันก็คงเป็นปีที่ Man U. เป็นแชมป์แบบที่ Liverpool สะใจสุดๆ เช่นกัน 555

ป.ล. ล่าสุด เปรตแดงแพ้อีกแล้ว ขณะที่เป็ดแดงกิ๊บก๊าบถลุง aston villa ยับเยิน (พอเห๊อะ ยิงน้อยๆ แต่ยิงนานๆ ดีกว่านะ) คะแนนไล่มาเป็นห่าง 4 แต้ม กิ๊บก๊าบ กิ๊บก๊าบ กิ๊บก๊าบ หุหุหุ ไล่มาห่างๆ อย่างห่วงๆ นะจ๊ะ


วันวาเลนไทน์…เกี่ยวอะไรกับวิกฤตโลก

ได้ยินมาว่า…


วันวาเลนไทน์

ทำให้

วงโคจรของโลกผิดเพี้ยนไป…นิดหน่อย

เพราะ…


เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กทั่วทุกพื้นที่ในโลก

ตลอดเวลา

หุหุหุ


บ้านนี้ไม่เหมือนชาวบ้าน

วันก่อนพาที่บ้านำไปกินข้าวที่บางปู

ตอนออกมาก็ไม่ทันได้สำรวจดูว่าบรรดานกนางนวลทั้งหลายยังอยู่ดีที่นั่นหรือเปล่า

เพราะตั้งใจว่าจะพาแม่และน้องๆ ไปหาอะไรทำสนุกๆ ด้วยการให้อาหารเหล่านกน้อยแสนว่องไวเหล่านั้น

ใจก็ภาวนาให้นกพวกนั้นยังอยู่

ปรากฏว่าพาไปถึงก็สมใจ เพราะมองเห็นฝูงนกไล่บินโฉบกากหมูมาแต่ไกล

ถึงจุดก็ให้สาวๆ ลงก่อน

เราก็ไปจอดรถ

ตอนเดินมาก็ซื้อกากหมูมาถือไว้เลยกะจะสนุกสนานเต็มที่

เดินมาถึงปุ๊บ เอ๊ะ! แม่กับน้องๆ เราหายไปไหนหว่า

มองไป มองมา เห็นว่าไปกระจุกกันอยู่ใต้ร่มอันหนึ่ง

“เฮ้ย ไปหลบอยู่ในนั้นทำไม ออกมาดิ หนุกดีนะ”

น้องสาว 1  – “ไม่เอาอ่ะ กลัวขี้นก”

น้องสาว 2 – “เดี๋ยวมือเปื้อน”

แม่ – “มีเชื้อโรคเปล่า เดี๋ยวก่อนเข้าไปกินข้าวต้องล้างมือด้วยนะ ยิ่งไข้หวัดนกอันตรายๆ อยู่”

สรุป…ให้ไปถุงเดียว แถมไม่มีใครมาให้ด้วย เซ็ง


……………….

เมื่อกี้…มีการปราศรัยของนายเหนือหัวคนใหม่ของพวกเรา บารัค โอบาม่า

ไม่ได้ดูหรอก ดูหนัง DVD พอดีจบเลยเปลี่ยนเป็น TV ก็ได้เห็นพอดี

ช่อง 3 ดูท่าจะเห่อมากที่สุด โดยเฉพาะ หม่อม เด็กนอก

เปิดให้ดูกันสดๆ ส่งตรงจากอเมริกาเลยทีเดียว

เพื่อให้คนไทยเห่อของนอกได้ดูการปราศรัยของประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกากันเต็มๆ

 

 

ในหลวงพูด พวกมึงดูกันเปล่าวะ


เต้นอกโต แอโรบิค

ฮาดี! หน้าเจ๊แกดูเหมือนดูถูกคนซื้อยังไงไม่รู้

อยากรู้จัง ว่ายอดขายเป็นไงบ้าง

ที่มา : http://bickboon.exteen.com/20081124/entry


รื่นรมย์ รื่นรมย์

น้ำมันเหลือ 17 บาทกว่าๆ

น้องอ๊อดได้กินอิ่มมาหลายมื้อละ

บางมื้อได้กินดีซะด้วย

เบนซิน 91 เต็มถัง

ตอบแทนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันมานาน

ไม่มีงอแง

 

เรื่องต่อมา “ได้ทะเบียนรถแล้ว”

หลังจากที่กวนตรีนกันไปมา ระหว่างเรากับ finance

ในที่สุดก็ได้มาซะที

ขับรถไม่ต้องกลัวด่านแล้ววุ้ย

 

อากาศจะเย็นลงอีก 3-5 องศา

หนาวแลววุ้ยยยยยยยยยยยยยย

หาที่เที่ยวดีกว่า

 

ใกล้ปีใหม่แล้วด้วย งานบันเทิงกำลังจะตามมา

ครอบครัวดี ผู้ใหญ่ดี ลูกน้องดี เพื่อนๆ ดี ที่สำคัญ แฟนดี

รื่นรมย์ รื่นรมย์


PS3…เฮ้อ

หลังจากเครื่องเกมส์เทพ PS3 มาเป็นภาระได้ 2 อาทิตย์

วันดีคืนดี ตื่นเช้ามาก็พบว่าเครื่องเกมส์สุดเทพเครื่องนี้ก็ออกอาการเปิดไม่ติด

ไม่ว่าจะทดลองยังไง ถอดปลั๊กออกก็แล้ว, ถอดแผ่นออก ใส่แผ่นใหม่ก็แล้ว

มันก็ยังไม่มีอาการตอบสนองอะไรทั้งสิ้น

นอกจากอาการ…ไฟแดง…(จำได้ว่ามันเป็นอาการของ xbox ไม่ใช่เหรอฟระ อยากเปลี่ยนค่ายหรือไงพวก)

สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาเครื่องกลับไปให้ที่ร้านซ่อมให้

“HDD ถูก format ค่ะ” เจ๊เจ้าของร้านบอกหลังจกลองเปิดเครื่องดูพักนึง

“ไม่มั้งครับ ไม่มีใครไปทำอะไรมันเลยนะ” พยายามเถียง

“นี่แหละค่ะ เป็นมาหลายรายแล้ว ถามไปถามมาก็เผลอไปกด format ทั้งนั้นเลยค่ะ”

“อ่า…ไม่มั้งครับ ที่บ้านมีความรู้เรื่องคอมพ์ดีทุกคน ที่ไม่รู้ก็ไม่กล้าไปทำอะไรอยู่แล้วครับ”

“ชัวร์ค่ะ format HDD” เจ้าของร้านยังยืนยัน

“ถ้ามีก็ ผี แล้วล่ะครับ เพราะว่าผมเปิดเครื่อง load Demo เกมส์ไว้ตอนเที่ยงคืน ตืนเช้ามาก็เสีย”

“…” เจ้าของร้านเงียบไป เพราะนึกไม่ทัน

“format แน่ๆ ค่ะ ต้องทิ้งเครื่องเอาไว้ แล้วจะโทรไปแจ้งนะคะ”

“ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวคงต้องกลับไปด่าผีบ้านผีเรือนแล้วล่ะ ที่มา format เครื่องผม”

 

หายไป 3 วัน โทรไปถามความคืบหน้าของไอ้เกมส์เทพเครื่องนี้

“HDD พังค่ะ” ลูกน้องรับสาย แล้วก็แจ้งอาการเรา

หา!!!…format เครื่องทำให้ HDD พังได้ด้วยเหรอวะ

“แล้วทำยังไงได้บ้างครับ”

เปลี่ยน HDD ค่ะ ตอนนี้เรามี 40GB อยู่ 1,000 บาทค่ะ”

T0T

บ้าไปแล้ว

เครื่องอยู่ในประกัน ซ่อม, เปลี่ยนจาก HDD 80GB เป็น 40GB ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 1,000

 

 

รู้งี้…ส่งให้ศูนย์ SONY ซ่อมตั้งกะทีแรกดีกว่า

เฮ้อ…


Anyway I still love you

มีคนบางคนถามผมว่า ทำไมผมถึงยอมเธอได้มากขนาดนี้

ผมตอบบางคนเหล่านั้นไปว่า เพราะผมรักเธอ

บางคนถามผมต่ออีกว่า ทำไมถึงรักได้มากมายขนาดนี้

ผมตอบว่า….

ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รัก ในเมื่อเธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของผม

แม้เธอจะทำให้ผมน้อยใจ…ผมก็จะปิดหูและปิดตาอีกหนึ่งข้าง แล้วบอกว่าผมรักเธอ

แม้เธอจะทำให้ผมเสียใจ…ผมก็จะปผิดตาและหูสองข้างแล้วบอกว่ารักเธอ

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่รักเธอ

ในเมื่อ…

ผมอยากให้เธอคนนั้นมีความสุข

ผมอยากให้เธอคนนั้นยิ้ม

ผมอยากให้เธอคนนั้นหัวเราะ

อะไรให้ได้ก็ให้ อะไรยอมได้ก็ยอม

ถ้ามันทำให้เธอมีความสุข

ถ้ามันทำให้เธอยิ้ม

ถ้ามันทำให้เธอหัวเราะ

แค่นี้ ผมก็พอใจ

"Anyway I still love you"

* ที่มาจาก http://multiply.com/gi/lavanon2000:journal:41


PS3 – รีวิวกันแบบบ้านๆ เลย (แบบบ้านจนๆ น่ะ)

หน้าใหญ่ ใจโตไปซื้อ Playstation 3 มาแล้ว

แล้วไง…

ซื้อมาปุ๊บ ก็เอาไปเล่นบ้านเพื่อนที่มีสาธารณูปโภคตามที่คนสมัยใหม่ควรจะมี ทุกอย่างเลยออกมาราบรื่น สวยงาม สมใจ สมราคาที่ซื้อมาดีแท้

แต่พอเอากลับมาความเดือดร้อนตามมาอีกสิบกว่าประการ

ประการแรก – เกมส์แท้เท่านั้น ราคาแผ่นละพัน up เพราะยังไม่มีใครสามารถเจาะ ทะลุทะลวงการป้องกันการ Copy แผ่นเกมส์ของ PS3 นี้ไปได้

(แต่ confirm ว่า ถ้าคิดจะทำตลาดในไทย ต้อง copy ได้)

ประการที่ 2 – จออ้วนที่บ้านใช้ได้…แต่ไม่ดี จอ TV ที่บ้านขนาด 21 นิ้วรุ่นดึกดำบรรพ์ ไม่สามารถรองรับการทำงานในระดับ HDMI ของ PS3 ได้ เห็นภาพ ขึ้นจอได้ แต่ตัวหนังสือเล็กเท่า…มด อ่านไม่ออก ยิ่งเข้าเว็บยิ่งไม่ต้องพูดถึง เข้า Playstation Store อ่านคำว่า Demo ไม่ออก ใช้เดาเอาว่าประมาณนี้

ดังนั้น…ต้องซื้อจอใหม่ LCD32 นิ้วเป็นอย่างต่ำ น่าจะดี อีกประมาณสองหมื่น…เอิ๊ก…

ประการที่ 3 – PS3 ต่ออินเตอร์เน็ตได้ พอเป็นแผ่นแท้ ไอ้จะซื้อทุกแผ่นก็ใช่ที่ ต้อง load เอา Demo มาลองเล่นก่อน แต่ไอ้เครื่องคอมพ์ที่บ้านก็ต้องใช้เหมือนกัน เลยต้องเปลี่ยนจากสายแลนมาเป็น Wireless (อีกประมาณสามพัน)

ประการที่ 4 – Surround sound ดีไหมหรือ 5.1 บางเกมส์ THX อีก ถ้างั้นก็ต้องเปลี่ยนชุด Stereo combo ที่บ้านอีก เหอ เหอ เหอ…

ประการที่ 5 – พอเปลี่ยนครบหมด ที่วางของที่ใช้อยู่ก็ดูท่าว่าพื้นที่จะไม่พอแล้วล่ะ รื้อชั้นวางของกับของเก่าๆ ที่เก็บดองไว้ออก หาที่อยู่ใหม่ให้มันอีก…

ทั้งหมดทั้งปวง คาดว่าจะต้องหาปัจจัยมาโปะเพื่อสนอง need เครื่อง PS3 เครื่องนี้อีกประมาณครึ่งแสน 555 ซื้อมาทำซากอะไรวะกรู

เอาฟระ เริ่มที่อย่างแรกก่อน LCD TV … ไปหาทางซื้อมาแล้วก็หาทางแอบเอามาตั้งที่บ้านให้ได้ก่อน

เฮ้อ…

เอาน่ะ…

เพื่อ Metal Gear Solid, Winning Eleven และ Final Fantasy สู้ๆ หน่อยเพื่อน


ประท้วง

นอนตี 3 ตื่น 8 โมงมาได้เดือนกว่าๆ

ร่างกายก็ประท้วงขึ้นมาเฉยๆ ไม่บอกให้รู้

วันก่อนประชุมงานเสร็จ ก็ลงลิฟท์

พอลิฟท์จอด ก็มีความรู้สึกตัวเบาๆ เหมือนจะลอยๆ

สมองก็เกิดอาการมึนๆ งงๆ

แล้วก็เกิดอาการไข้ขึ้นทันที

ร้อนๆ หนาวๆ อยู่ office ก็นั่งไม่เป็นสุข เบลอๆ

กลับบ้านเร็วก็ไม่ได้ กลัวขับรถอยู่แล้ววูบ

ขอยาพี่มากิน มียาแก้ปวดหัว(กินแล้วง่วง) กับยาแก้ปวดฟัน(กินแล้วไม่น่าจะง่วง)

เลยกินยาแก้ปวดฟัน –_-!

กินข้าวเสร็จก็กินยาตอน 2 ทุ่ม

แล้วก็…วูบ…

รู้สึกตัวอีกที 5 ทุ่ม

เฮ้ยยยยยยยยยยยย

ไรวะ ไหนว่าไม่ง่วง

โซซัดโซเซกลับบ้าน ซัดพาราไปอีก 2 เม็ด

นอน

 

ตื่นมาก็ดีขึ้น ค่อยยังชั่ว

 

หมู่นี้ป่วยบ่อยแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายอึดเยี่ยงพญาทรพาอย่างเราจะป่วยได้

ว่าแล้วก็ชักอยากจะไปเข้าอู่ให้หมอเช็คสภาพร่างกายซะหน่อยแล้ว


เยือนบ้านเก่า

ต่อเนื่องจากการคิดใหม่ทำใหม่จาก entry "ผมมีอาม่า 1 คน"

อาทิตย์ที่ผ่านมา เลยได้ทำหน้าที่หลานที่ดี พาอาม่าไปเสริมสวย

ที่ร้านทำผมเจ้าประจำ ย่านวงเวียนใหญ่ ที่เป็นบ้านเก่าของครอบครัวเรา

ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ไม่มีอะไรทำ ก็เลยจัดกิจกรรม "ย้อนรอยกลับบ้านเก่า" แก้เบื่อ

ว่าแล้วก็นั่ง time machine ย้อนเวลากลับไปเมื่อ……ปีก่อน (หุหุหุ ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน)

ชะแว้บบบบบบบ มาถึงแล้ว ถนนลาดหญ้า เริ่มเลยละนะ

เดินย้อนมาถึงซอยเล็ก ซอยที่เด็กๆ เราใช้เป็นทางลัดไปโรงเรียนและกลับบ้าน

 

ซอยแคบๆ ยาวประมาณ 100 เมตร เดินได้ 2 คนก็เต็มซอย พอมืดๆ ก็ไม่มีไฟ ต้องเดินลุยไปทั้งมืดๆ

บางทีก็เดินได้ บางทีก็กลัว ทำให้ต้องกลั้นใจรีบวิ่งทะลุซอยให้เร็วที่สุดอยู่บ่อยๆ

ประตูไม้  รั้วสังกะสีก็สร้างบรรยากาศทมึน วังเวงได้ดีทีเดียว

 

หลุดจากซอยนั้นมาก็จะเป็น ทางเดินที่จะมีป้าขนมจีนเจ้าประจำ

หาบมาขายรอเด็กๆ พี่ๆ น้องๆ กลับจากโรงเรียนมามุงกินก่อนกลับบ้าน

เรากิน 5 บาท น้องชายกิน 3 บาท แต่ 2 จาน (ได้เยอะกว่า ฉลาดกว่าพี่มัน)

ถนนเจริญรัถ ถนนแคบๆ รถเวสป้าเยอะๆ รถเมล์สาย 57 คันใหญ่ๆ 2 คันวิ่งสวนกันแทบไม่ได้

แต่ก็ยังใจดี ให้จอดรถข้างทางได้อีกซะงั้น

เข้าซอยร่วมมิตรมาจะเข้าบ้าน (ชื่อซอยเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นตัวเลขแล้ว เลขอะไรช่างมัน จำไม่ได้)

ผ่านศาลพระภูมิที่ต้องไหว้ประจำ มีหมาดุ 1 ตัวนอนขวางทาง

กลัวมันกัด เลยถอดรองเท้าเดินผ่านมัน กลัวมันตื่นเพราะเสียงรองเท้า 555 คิดได้ไง

ถนนในซอย ถิ่นเก่าของเหล่าตัวป่วนทั้งหลาย เวลาเลิกเรียนทียังกับรังมดแดงแตก

เด็กๆ สิบกว่าคน วิ่งเล่นกันให้วุ่นวาย ไม่มีการบ้าน เพราะไม่ทำ จะเล่น

สนามบอลพลาสติก แหล่งกำเนิดเปเล่ ปิยะพงศ์ เอียน รัช และมาราโดน่า

ถ้าคนไม่ครบก็เล่นไล่จับ บอลลูน สบาย พื้นที่อำนวยอยู่แล้ว มีเส้น มีเนินให้เสร็จสรรพ

อ้อ…มีบ้านผีให้พิสูจน์ด้วยนะเนี่ย ซอยแค่นี้

ท้ายซอยมีบ้านหมาดุ เคยเตะบอลทะลุเข้าไป แล้วลืมตัววิ่งเข้าไปเก็บบอล

โดนมันไล่กระเจิง วิ่งหนีออกมาถึงปากซอยถึงหยุด ไอ้เบิ้ม ไอ้เป็ปซี่ ไอ้หมาบ้า

เดินย้อนกลับไปซอยเล็กข้างร้านกาแฟดีกว่า

ซอยเล็กๆ รกๆ ข้างทางเดินมีท่อน้ำครำ เด็กๆ แถวนี้ต้องได้ขาดำเพราะเหยียบพลาดกลับบ้านกันคนละครั้ง 2 ครั้งเป็นประสบการณ์ทั้งนั้น

ทะลุออกมาอีกฝั่ง เคยเป็นที่ฉายหนังกลางแปลง ไอ้น้องชายแอบมาดู ปรากฏว่าเป็นหนังผี ร้องไห้โฮกลับบ้านมาฟ้องพี่มัน

เดินไปเรื่อยๆ ทะลุไปออกซอยสารภี 3 ก่อนไปถึงก็ผ่านบ้านดาราก่อน บ้านยอดชาย เมฆสุวรรณ

ภูมิใจ มีดาราอยู่ใกล้ๆ บ้านตัวเอง ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ หรอก แต่ตอนนั้นเรื่องหนุมานกับ 7 ยอดมนุษย์เข้าฉายพอดี ดังใหญ่เลย

ออกซอยสารภี 3 ซอยที่เป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆ อย่าง

เช่นร้านขายอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ ในสมัยที่บ้านหม้อยังอยู่ไกลเกินจะไปถึง

ร้านขายหนังสือเก่า ที่ทำให้เป็นคนโรคจิต เดินผ่านร้านหนังสือต้องแวะอย่างทุกวันนี้

รู้จักต่วยตูน ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ รู้รอบตัว และอื่นๆ อีกมากมายก็ที่นี่

เดินย้อนไปทางถนนลาดหญ้า แว่บเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านสาว ปิ๊งแรกสมัยประถมฯดีกว่า แต่จำบ้านไม่ได้แล้ว เลยเดินเรื่อยเปื่อย

เข้าแหล่งขายปลา ที่มาเดินทีไร ก็อยากจะเสียตังค์ซื้อปลาสีสวยๆ กลับไปเลี้ยงที่บ้านทุกที

ปลาในฝันที่ยังไม่เคยได้เลี้ยงเลยก็คือปลาสิงห์หัววุ้น เอาแบบวุ้นปิดตาเลยนะ ดูมันว่ายชนกระจกแล้วสนุกดี (อ๊ะ ซาดิสม์)

ได้เต่าญี่ปุ่นมาอีก 1 ตัว ตั้งใจจะเลี้ยงให้มันตัวใหญ่ๆ ให้ได้เลยคราวนี้ คอยดูสิ

เอ๊ะ แถวนี้ทำไมเงียบๆ อ้อ…ห้องแถวที่เปิดให้เช่าขายของ รู้สึกว่าขายอะไรก็ไม่เคยรุ่ง เย็บผ้า ขายข้าว ขายปลา เดี๋ยวก็ปิด เดี๋ยวก็ปิด

ไม่เอาละ ย้อนกลับดีกว่าเมื่อยละ ออกมาถนนลาดหญ้า ห้างเซ็นทรัล สถานที่ซิ่งของเรา

ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นโรบินสัน…ห้างแถวนี้รุ่งยากนะ มีเมอร์รี่คิงส์ ที่เปิดห้างตอนวันเกิดเราพอดี ก็เจ๊งไปแล้ว

คาเธ่ย์อีก ย้อนไปลึกๆ นึกได้อีก 1 ศาลาโฟร์โมสต์ มีก่อน swensens อีก กินเสร็จได้ถ้วยกับช้อนกลับบ้านด้วย

เอามาโชว์เพื่อนที่โรงเรียน โก้เชียว…เจ๊งไปแล้ว

จุดสุดท้ายครบรอบพอดี เดินผ่านโรงเรียนเก่า โรงเรียน จ.ว.น. ย่อมาจาก เจ๊งวันนี้

เป็นเพราะโรงเรียนนี้แหงเลย แถวนี้ถึงทำอะไรไม่ขึ้น โรงเรียนยังต้องย้ายเลย ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว 555

ครบรอบ ก่อนกลับก็แวะทักทายร้านกาแฟระหว่างทางก่อน เพราะซื้อการ์ตูนเล่มแรกในวีวิตก็มาจากที่นี่ (แม่รู้ ต้องเกลียดไอ้ร้านนี้แน่ๆ)

เป็นการ์ตูนโดเรมอน เล่มแรกๆ เลยเชียวแหละ ปกเป็นรูปโนบิตะอยู่บนเกาะ

หมดเวลาพอดี กลับสู่เวลาปกติแล้วล่ะ

คราวต่อไป ไปเที่ยวโรงเรียนเก่าดีกว่า


On the way back home

เดี๋ยวนี้กลับบ้านเร็วขึ้น
ได้เปิดหูเปิดตากับวิว 2 ข้างทางกับแสงอาทิตย์บ้าง

ไม่ใช่แสงจากไฟถนน ไฟรถ ไฟตึก

รถติด … แต่ยังไหว

กลับบ้านเร็ว ออกไปกินข้าวข้างนอกกับแม่ น้องๆ
กินอาหารญี่ปุ่น…อ้าว คราวนี้ตาเราออกเงินนี่หว่า -"-

 

ตอนนี้ว่างๆ ก็บิดไอ้เจ้านี่ไปได้เท่านี้แล้ว
เป้าหมายแรก 3 ด้านก่อน


ผมมีอาม่า 1 คน

วันหนึ่ง ตอนกินข้าวเย็น อยู่ๆ แม่ก็มาคุยจริงจังว่า

อาม่าโทรไปฟ้องป้าที่อเมริกาว่า เปิดกระเป๋าตังค์เราแล้วไม่มีเงินเลย

ด้วยความเป็นห่วง ก็จะเอาเงินให้เราอยู่เรื่อยๆ

เราเห็นเป็นเรื่องตลกๆ เลยส่ายหัวแล้วก็หัวเราะ ว่าอาม่าชอบมายุ่งเราจริงๆ

แต่แม่ก็พูดคำพูดที่ทำให้เราสะอึกไปเหมือนกันว่า

"อาม่าก็แก่แล้ว เขาเห็นอย่างนี้ เขาก็เป็นห่วง ก็อย่าทำให้เขาห่วงสิ 92 แล้วนะ"

จริงสิ…

เราเปลี่ยนความหวังดีของอาม่า ของแม่เป็นความน่ารำคาญตั้งแต่เมื่อไหร่

อาม่าอายุก็ขนาดนี้แล้ว ยังต้องมาห่วงเราอีก

 

หลายเดือนก่อนได้ดูหนัง Memories of Matsuko จากเพื่อนเอามาให้

ตอนนั้นก็ได้สำนึกแล้ว แต่ยังไม่เกิดการกระทำ

พอแม่พูด ก็เหมือนตอกลิ่มลงไปอีกที ย้ำชัดๆ ว่าให้เริ่มกระทำได้แล้ว

 

หันกลับไปมองไกลๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เราห่างจากที่บ้าน

เรียนมัธยม คบเพื่อน แต่ก็ยังไม่กลับดึก

มหาวิทยาลัย เริ่มออกไปอยู่หอกับเพื่อนๆ กลับบ้าง ไม่กลับบ้าง บางอาทิตย์ไม่กลับเลย

ทำงานที่แรก งานตัดต่อข่าว อยู่บ้านนิดหน่อย อยู่บริษัทเยอะ

ทำงานที่ 2 Organizer ช่วงแรกก็กลับบ้านบ้าง แต่พอทำงานไปนานๆ หน้าที่การงานเปลี่ยนไป ก็ไม่เคยกลับบ้านก่อนห้างปิดอีกเลย (การกลับบ้านก่อนห้างปิด เป็นเรื่องยากพอๆ กับเจอสาวน่ารักใน office)

แล้วหลังจากนั้น ก็มีแต่งาน งาน งาน งาน เที่ยว เที่ยว เที่ยว เพื่อน เพื่อน เพื่อน …. บ้าน

แต่ก็ยังได้อาศัยคำพูดที่ว่า "ก็ยังกลับมานอนบ้านทุกวันนะ" เอาตัวรอดไปได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นการกลับมาเพื่อเอาบ้านเป็นที่ซุกหัวนอนก็ตาม

 

หยุดมาดูอาม่าบ้าง ทำไมเราเพิ่งจะเห็นนะ ว่าอาม่าแก่มากแล้ว

แต่ยังขึ้น ลง บันไดอยู่ทุกวัน

ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ตื่นนอนและขึ้นนอน

ที่เหลืออีกครั้ง มาดูว่าเราตื่นหรือยัง เพื่อเรียกลงมากินข้าว

ทำอะไรเผื่อไว้ให้เรากิน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

 

พูดตามตรง…อีกไม่นาน อาม่าก็ไม่อยู่แล้ว

ทำอะไรให้เขาหรือยัง

ทุกวันนี้เลิกงานถ้าไม่มีธุระอะไรก็จะรีบกลับบ้าน ไม่มีการอ้างว่าตอนเย็นรถติด

กลับมาถึงบ้านก่อนอาม่าจะขึ้นนอน คุยกัน นวดให้ ซื้ออะไรมาให้กิน

จะพยายามทำให้ได้มากกว่านี้ จะพยายามเลิกหงุดหงิด จะพยายามอยู่กับอาม่าเยอะๆ

 

ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้รู้จักคิด

ดีใจ ที่ได้ทำให้ ตอนที่ยังอยู่ จะได้ไม่ต้องไปร้องไห้สำนึกอะไร ตอนที่เขาไม่อยู่แล้ว


3 สิงหาคม

ในที่สุด ก็ได้ทำอะไรที่อยากจะทำมาหลายเดือน

อันเนื่องมาจากเมื่อคืนเตะบอลยันตี 1 (บ้าเปล่าวะ)

กลับถึงบ้านตี 2 ครึ่ง

– นอนถึงบ่าย 2

– ได้ดู sitcom ทุกเรื่องที่อยากดู

– นั่ง และ นอน

– กินข้าวกับเพื่อน

– ฟัง the shock

– นอน

 

จบ


02 ส.ค. 2551 Amazing ของกินที่ระยอง

เราจะหาของกินได้ทุกอย่างที่ระยอง

อาหารมีทุกรส ยกเว้นรสอร่อย

เมื่อคืนเลิกงานแล้วไปหาข้าวกินแถวๆ ขนส่ง

เข้าไปร้านแรกเป็นอาหารประเภทเป็ดแล้วเดินออกมา เพราะในร้านไม่มีคน

เฮียเจ้าของร้านคงอารมณ์เสียนิดหน่อย

เดินข้ามฝั่งมากินอีกร้านที่เป็นอาหารประเภทไก่ มีคนนั่งกินอยู่บ้าง

ร้านอาหารที่ระยองมักจะเป็นเหมือนๆ กัน คือ ไม่มีร้านไหนขายอย่างเดียว

ต้องมี 2 อย่างขึ้นไป เช่น ข้าวมันไก่และก๋วยเตี๋ยวไก่ ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดและอาหารตามสั่ง

ขายอย่างเดียวคงไม่รุ่ง แต่พอขายหลายๆ อย่าง เลยไม่รู้ว่าเก่งอย่างไหน แล้วก็ไม่อร่อยสักอย่าง…เอาเข้าไป

 

สั่งเสร็จก็มานั่งรอ เจ๊แกก็เอามาส่ง

กินๆ ไป ก็ได้ยินเสียงไอค้อก แค้ก

เห็นเจ๊แกทำก๋วยเตี๋ยวไป ไอเลิฟยูไป

หยิบเส้น ค้อก…ค้อก…

ลวกเส้น แค้ก…แค้ก…

หั่นหมู ค่อก…ค่อก…

ตักน้ำแกง แค่ก…แค่ก…

เอามาเสิร์ฟ……………

และเจ๊แกก็ตั้งใจทำอาหารมาก ตั้งใจกับอาหาร ไม่มีการหันหน้าไปทางไหน

ดังนั้นการไอทุกครั้ง มีเป้าหมายอยู่ที่ชามก๋วยเตี๋ยวข้างหน้าทุกครั้ง

นี่ตกลงผมซัดน้ำลายเจ๊ไปกี่หยดเนี่ย…

เหอะ เหอะ เหอะ คนอื่นไม่เห็นมีใครรู้สึกอะไร

 

เอาวิธีนี้ไปบอกกระสือยายสาย แกคงดีใจที่ไม่ต้องมาบังคับให้ลูกตัวเองกินน้ำลายแกอีกต่อไป

นี่ยังดีนะ สั่งข้าวมันไก่กิน เป็นข้าวมันไก่ที่ทำโดยเจ๊อีกคน ยังพอทำใจได้

 

อ้าว ขัวมันไก่หมด หุงใหม่

เอาข้าวใส่ลงไป…อืมมม…

น้ำซุปไก่…อืม…

เทน้ำมันพืชครึ่งขวด… … …หืมมมมมมมม…

น้ำมันพืชเหรอ…เขาใช้น้ำมันพืชเหรอ…สูตรใหม่เหรอนั่น…

ตกลงที่กรูกินไปเนี่ย…มันข้าว+มัน+ไก่ จริงๆ นะเนี่ย

โอว…Amazing ของกินที่ระยอง…โอว